๑. คำสุดท้ายของวรรคส่งนิยมใช้เสียงวรรณยุกต์ใด
ก. โท
ข. เอก
ค. สามัญ
ง. จัตวา
ก. โท
ข. เอก
ค. สามัญ
ง. จัตวา
ก. ไท – ให้
ข. น้อง – ป้อง
ค. ปก – ป้อง
ง. สามัคคี – พี่
๓. ข้อใดเรียงลำดับได้ถูกต้อง
ก. รับ รอง สดับ ส่ง
ข. รอง รับ สดับ ส่ง
ค. สดับ รับ รอง ส่ง
ง. สดับ รอง รับ ส่ง
ก. รับ รอง สดับ ส่ง
ข. รอง รับ สดับ ส่ง
ค. สดับ รับ รอง ส่ง
ง. สดับ รอง รับ ส่ง
๔. ข้อความในข้อใดควรเป็นวรรครับ
ก. ตูมตั้งบังใบอรชร
ข. นิลบลพ้นน้ำขึ้นรำไร
ค. น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา
ง. ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว
ก. ตูมตั้งบังใบอรชร
ข. นิลบลพ้นน้ำขึ้นรำไร
ค. น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา
ง. ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว
๕. “ไทยยืนหยัดพึ่งภัยได้……………ด้วยสืบเนื่องพระบารมีจักกรีวงศ์” ข้อความใดต่อไปนี้ ควรเติมลงในช่องว่างให้ได้ใจความชัดเจน
ก. ลือเลื่อง
ข. รุ่งเรือง
ค. ประเทือง
ง. ไม่สิ้นเปลือง
ก. ลือเลื่อง
ข. รุ่งเรือง
ค. ประเทือง
ง. ไม่สิ้นเปลือง
๖. “เฝาถนอมกลอมเกลี้ยงไมเลี่ยงหลบ
ขาวปลาครบแมจัดหามาทั้งสิ้น
แมนเหนื่อยยากลําบากเนื้อหยาดเหงื่อริน
ลูกมีกินสุขกายสบายพอ”
บทรอยกรองขางตนนี้กลาวถึงเรื่องใด
ก. ความรักของหนุมสาว
ข. ความรักของแมที่มีตอลูก
ค. ความรักของลูกที่มีตอแม
ง. ความทุกขของแมที่ตองเลี้ยงลูก
ขาวปลาครบแมจัดหามาทั้งสิ้น
แมนเหนื่อยยากลําบากเนื้อหยาดเหงื่อริน
ลูกมีกินสุขกายสบายพอ”
บทรอยกรองขางตนนี้กลาวถึงเรื่องใด
ก. ความรักของหนุมสาว
ข. ความรักของแมที่มีตอลูก
ค. ความรักของลูกที่มีตอแม
ง. ความทุกขของแมที่ตองเลี้ยงลูก
๘. คำตอบใดคือคำสัมผัสระหว่างบทของคำประพันธ์ต่อไปนี้
“จำเรียงรักษ์อักษรผ่านกลอนกาพย์ บ่งซึ้งซาบรสกวีศรีสยาม
สุนทรภู่ ครูกลอนกระฉ่อนนาม ทั่วเขตคามคราอ่านพล่านอารมณ์
ทั้งแว่วหวานตาลหยดมดตอมไต่ โอดอาลัยโศกเศร้าเคล้าทุกข์ถม
ไหลลดเลี้ยวทะเล้นล้วนโลมลม พอกเพาะบ่มสั่งสอนแทรกซ้อนธรรม”
ก. สยาม – นาม
ข. นาม – คาม
ค. รมณ์ – ถม
ง. ถม – ลม
“จำเรียงรักษ์อักษรผ่านกลอนกาพย์ บ่งซึ้งซาบรสกวีศรีสยาม
สุนทรภู่ ครูกลอนกระฉ่อนนาม ทั่วเขตคามคราอ่านพล่านอารมณ์
ทั้งแว่วหวานตาลหยดมดตอมไต่ โอดอาลัยโศกเศร้าเคล้าทุกข์ถม
ไหลลดเลี้ยวทะเล้นล้วนโลมลม พอกเพาะบ่มสั่งสอนแทรกซ้อนธรรม”
ก. สยาม – นาม
ข. นาม – คาม
ค. รมณ์ – ถม
ง. ถม – ลม
๙. ข้อใดมีสัมผัสระหว่างวรรค
ก. นำกลกลอนลีลามาเชิดชู ตามแบบครูชี้แนะให้แกะรอย
ข. พรมชีวิตชุ่มชื่นให้พืชพันธุ์ มอบแมกไม้มวลมนุษย์สุดพรรณนา
ค. แก้วประกายพรายพร่างทางกลอนแก้ว วามวับแวมวาดลายไว้งามหรู
ง. ละอองโปรยเปียกปอนตอนเย็นย่ำ สายฝนพรมพรูพร่างสร้างสุขสรรค์
ก. นำกลกลอนลีลามาเชิดชู ตามแบบครูชี้แนะให้แกะรอย
ข. พรมชีวิตชุ่มชื่นให้พืชพันธุ์ มอบแมกไม้มวลมนุษย์สุดพรรณนา
ค. แก้วประกายพรายพร่างทางกลอนแก้ว วามวับแวมวาดลายไว้งามหรู
ง. ละอองโปรยเปียกปอนตอนเย็นย่ำ สายฝนพรมพรูพร่างสร้างสุขสรรค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น